เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2567 ผู้เสียหายพบรถยนต์ของตนเองอยู่กับผู้อื่นจึงได้ตัดสินใจขับกลับ จากนั้นถูกคู่กรณีแจ้งความข้อหาลักทรัพย์ จากการสอบถามพบว่าคู่กรณีรับจำนำรถจากอีกบุคคลหนึ่ง ดังนั้นการรับจำนำดังกล่าวไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะบุคคลนั้นไม่ใช่คู่สัญญา ท่านอาจเข้าข่ายรับซื้อของโจร ที่สำคัญท่านไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ทีมทนายจึงแจ้งความกลับฐานรับซื้อของโจร (พยานหลักฐานพร้อม)

เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 ได้นำผู้เสียหายเข้าพบกองปราบ เพื่อวางแผนดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด เนื่องจากทรัพย์สินมีมูลค่าหลายสิบล้าน

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567 ได้มีผู้เสียหายถูกนายจ้างสั่งพักงานโดยไม่มีเหตุอันควร โดยไม่ได้กำหนดระยะเวลาพักงาน กรณีดังกล่าวซึ่งอาจะเป็นการเลิกจ้างตาม มาตรา 118

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2567 ได้รับการติดต่อจากผู้ว่าจ้างว่าแม่ของตนเองได้เปิดบัญชีธนาคารให้บุตรคนโตนำไปใช้ ต่อมาถูกฟ้องคดีร่วมกันฉ้อโกง ทนายเดิมให้รับสารภาพ ผู้ว่าจ้างเห็นว่าแม่ของตนเองไม่กระทำความผิดตามฟ้อง จึงขอให้ทาง สนง.ฯ ช่วยดำเนินการให้ ต่อมาศาลได้มีคำสั่งอนุญาตให้กลับคำให้การ

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 ผู้เสียหายถูกฟ้องในข้อหาบุกรุก และลักทรัพย์ ทั้งที่ ที่ดินถูกโอนกรรมสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ต่อมาศาลพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งแปด ผู้เสียจึงขอให้ทนายฟ้องกลับ

เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2567 ได้รับการติดต่อว่า ตนเองถูกฟ้องค่าส่วนต่างราคา ตอนแรกจะไม่ไปศาล ทีมทนายจึงให้คำแนะนำ และพาไกล่เกลี่ย สรุปว่าไฟแนนซ์ให้เริ่มส่งค่างวดใหม่ ได้รถกลับมาใช้ และยังมีโอกาสเริ่มต้นส่งค่างวดใหม่ด้วย

เมื่อวันที่่ 16 ตุลาคม 2566 ผู้เสียหายให้เพื่อนยืมเงิน เมื่อถึงกำหนด ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ก็ต้องใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2566 ผู้เสียหายถูกหุ้นส่วนยักยอกเงินค่ารับเหมาก่อสร้าง นำเงินเข้าบัญชีตนเองแล้วหนีหาย